องค์กรสิทธิกังวล ไทยส่งอุยกูร์ 40 คน กลับจีน

ไทยระบุว่า ตกลงส่งชาวอุยกูร์กลับจีน หลังจีนรับรองความปลอดภัย
นนทรัฐ ไผ่เจริญ และภิมุข รักขนาม
2025.02.27
กรุงเทพฯ
องค์กรสิทธิกังวล ไทยส่งอุยกูร์ 40 คน กลับจีน รถบรรทุกของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) สวนพลู จำนวน 6 คัน ปิดเทปดำ ออกจาก ตม. ในกรุงเทพฯ เวลา 02.14 น.และปิดทางด่วนห้ามรถอื่นขึ้นตาม วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568
ณัฐพล เมฆโสภณ/เบนาร์นิวส์

ปรับปรุงเมื่อเวลา 02:09 PM ET 27-02-2025

องค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติแสดงความกังวลอย่างมาก หลังจากที่สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า ไทยได้ส่งตัวชาวจีน 40 คน ซึ่งเชื่อว่าเป็นคนเชื้อสายอุยกูร์จากห้องกักสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกลับประเทศ ขณะที่ นายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกับสื่อเพียงว่ายังไม่ได้รับรายงาน ขณะที่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ปฏิเสธชี้แจงเรื่องนี้ เนื่องจากอ้างว่าเป็นข้อมูลความมั่นคง

“ความเงียบตั้งแต่ระดับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ถึงนายกรัฐมนตรี ถือเป็นความผิดปกติจนน่าแปลกใจ ตอนนี้ คำร้องขอปล่อยตัวคนอุยกูร์จากห้องกักก็อยู่ในชั้นศาล การส่งคนอุยกูร์กลับจีน เท่ากับว่านอกจากละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว ไทยยังละเมิดกฎหมายในประเทศตัวเองที่ห้ามส่งคนไปเผชิญอันตราย” นายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาองค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ประจำประเทศไทย กล่าวกับเบนาร์นิวส์

ประเด็นนี้เกี่ยวข้องกับกรณีที่ สื่อมวลชนและนักสิทธิมนุษยชนระบุตรงกันว่า ในเวลาประมาณ 03.00 น. ของวันที่ 27 ก.พ. นี้ พบรถบรรทุกปิดเทปสีดำ 6 คัน ออกจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสวนพลู มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานดอนเมือง ท่ามกลางข่าวลือว่า จะมีการส่งคนอุยกูร์จากห้องกักกลับจีน

ขณะที่ มีการพยายามติดตามเที่ยวบินที่เดินทางจากดอนเมืองผ่านระบบออนไลน์ ทำให้ทราบว่า เที่ยวบินดังกล่าวเดินทางจากประเทศไทยเข้าไปในมณฑลซินเจียง ประเทศจีน เบนาร์นิวส์ติดต่อไปยังสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ก็ไม่ได้รับการตอบรับ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในการแถลงข่าวล่าสุด เมื่อช่วงหัวค่ำของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

“เขายื่นหนังสือทางการทูตอย่างเป็นทางการ โดยรัฐบาลจีนขอเรา เขายืนยันว่าจะขอรับกลับไป ยืนยันว่าจะกลับมาตุภูมิอย่างสมัครใจ ให้ไปคุยกับญาติพี่น้อง และจะจัดหาอาชีพให้"

"เรามีความมั่นใจมากขึ้น ท่านนายกฯ ได้เดินทางไปเยือนจีน ก็ได้มีการคุยกัน แล้วนายกฯ หลี่เฉียง ก็ได้คุยกับท่านนายกฯ มา ยืนยันว่าไม่ต้องห่วง เขาเองเขาจะดำเนินการเพราะคนเหล่านี้ คือประชาชนจากจีนเหมือนกัน ไม่ได้เป็นคนอื่น” นายภูมิธรรม กล่าวในการแถลงข่าว

เบนาร์นิวส์พยายามติดต่อ พล.ต.ท. อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.อ. คธาธร คำเที่ยง โฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แต่ทั้งคู่ไม่รับสาย

ขณะที่ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ระบุว่า ทางการจีนมีหนังสือมาที่รัฐบาลไทย ในหนังสือได้แสดงเจตจำนงที่จะดูแลชาวอุยกูร์เหล่านี้ จำนวน 40 คน โดยให้คำมั่นว่าจะดูแลเรื่องความปลอดภัย 

“เมื่อทางรัฐบาลได้รับหนังสือ เราได้พิจารณาตามหลักสิทธิมนุษยชน จากนั้นรัฐบาลได้มีการประชุม โดยใช้สภาความมั่นคงแห่งชาติ จากนั้นจึงได้มีมติให้ส่งชาวอุยกูร์กลับ ซึ่งเรามีเจ้าหน้าที่ของเราได้เดินทางไปสังเกตุการณ์ด้วย” พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวกับสื่อมวลชน

ด้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ สหรัฐฯ มาร์โก รูบิโอ ประณามการกระทำของไทย

“ในฐานะพันธมิตรที่ยาวนานของไทย เรารู้สึกตกใจอย่างมากกับการกระทำเช่นนี้ ซึ่งเสี่ยงการขัดต่อพันธกรณีระหว่างประเทศภายใต้อนุสัญญาต่อต้านการทรมานของสหประชาชาติ และอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการสูญหายโดยถูกบังคับ” รูบิโอ กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี

รูบิโอกล่าวหาจีนว่า ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติโดยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอุยกูร์ รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์และชนกลุ่มน้อยต่างศาสนาอื่น ๆ ในมณฑลซินเจียง

“เราเรียกร้องให้ทางการจีน เปิดทางอย่างเต็มที่ให้มีการเข้าถึงพวกเขา เพื่อยืนยันความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับ” รูบิโอกล่าว “รัฐบาลไทยต้องยืนกรานและตรวจสอบเต็มที่อย่างสม่ำเสมอว่า ทางการจีนได้ปกป้องสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์”

ประเทศไทยเป็นพันธมิตรที่มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ มานานหลายทศวรรษ และยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจีนด้วย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศาลสั่งไต่สวนฝ่าย สตม. เพิ่ม กรณีคำร้องขอปล่อยผู้ต้องกักอุยกูร์ 43 คน

นายกฯ เยือนจีน นักสิทธิหวั่นคุยประเด็นส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศ

รมว. ตปท. สหรัฐฯ คนใหม่ หวังประสานไทย-พันธมิตรสหรัฐฯ ไม่ให้ส่งชาวอุยกูร์กลับจีน 


ก่อนที่ในช่วงบ่าย สำนักข่าวซินหัว และซีซีทีวี ของจีนรายงานตรงกันว่า ทางการไทยได้ส่งตัวชาวจีน 40 คน กลับประเทศจีน โดยเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศ เพื่อปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองและอาชญากรรมข้ามชาติ 

ต่อเรื่องเดียวกัน น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามของสื่อมวลชนในเรื่องดังกล่าว 

“ยังไม่ได้คุยในรายละเอียด พูดจริงว่า เรื่องแบบนี้ถ้าประเทศใดในโลกนี้ ถ้าต้องทำอะไรต้องยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ยึดหลักสิทธิมนุษยชน อันนี้คือเรื่องใหญ่ ทุกประเทศต้องยึดเรื่องนี้เป็นหลัก 

เช่นเดียวกัน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกับเบนาร์นิวส์ว่า “เรื่องนี้ผมไม่ทราบ ยืนยันไม่ได้ เรื่องนี้จะจริงหรือเท็จทาง สตช. ก็จะต้องรายงานรัฐบาล ตอนนี้ยังไม่มีรายงานเข้ามา” 

ข้อกังขาต่อรัฐบาลไทย

ประเทศไทยควรลาออกจากตำแหน่งใหม่ ในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หลังจากการส่งตัวอุยกูร์กลับจีน ฟิล โรเบิร์ตสัน ผู้อำนวยการ ศูนย์รณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชนและแรงงาน กล่าว

เมื่อเดือนที่แล้ว ประเทศไทยได้เริ่มดำรงตำแหน่งสมาชิกใหม่ของคณะมนตรีฯ เป็นเวลา 3 ปี “การละเมิดสิทธิมนุษยชนครั้งใหญ่ครั้งนี้ ทำลายคำกล่าวอ้างใด ๆ ที่นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตรและรัฐบาลไทยของเธอ ใช้อ้างการเคารพสิทธิมนุษยชน เพื่อเข้าเป็นสมาชิกของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ” ฟิล โรเบิร์ตสัน กล่าวในแถลงการณ์

นายโวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า การผลักดันกลับดังกล่าว เป็นการละเมิดกฎหมายและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากล

“การกระทำดังกล่าว ละเมิดหลักการไม่ส่งกลับ ซึ่งห้ามกระทำการใด ๆ ทั้งสิ้น ในกรณีที่มีความเสี่ยงอย่างแท้จริงที่จะถูกทรมาน ปฏิบัติอย่างโหดร้าย หรือได้รับอันตรายอื่น ๆ ที่ไม่อาจแก้ไขได้ เมื่อพวกเขาเดินทางกลับ” เขากล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี

เติร์ก เรียกร้องให้จีนเปิดเผยที่อยู่ของชาวอุยกูร์ที่ถูกผลักดันกลับ และให้แน่ใจว่าสิทธิของพวกเขาได้รับการปกป้อง

“ทางการไทยต้องแน่ใจว่า จะไม่มีการผลักดันส่งกลับสมาชิกที่เหลือของกลุ่มอีก รวมถึงผู้ลี้ภัยและผู้ขอสถานะผู้ลี้ภัย ที่ถูกกักขังอยู่ในไทย จะต้องได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ตามภาระผูกพันภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ” เติร์กกล่าว

ก่อนหน้านี้ Justice For All องค์กรสิทธิมนุษยชนสากล ได้เรียกร้องให้ รัฐบาลไทยยุติความพยายามที่จะส่งผู้ลี้ภัยอุยกูร์ 48 คน กลับไปยังประเทศจีน โดยระบุว่า ต้นเดือน ม.ค. 2568 เจ้าหน้าที่ได้ถ่ายรูป และนำเอกสารเกี่ยวกับการสมัครใจกลับจีนมาให้ผู้ต้องกักชาวอุยกูร์กรอก รวมถึงกดดันด้วยวาจาว่า จะเนรเทศพวกเขาไปจีน ผู้ต้องกักเหล่านั้นจึงประท้วงด้วยการอดอาหาร 

ต่อมา นายชูชาติ กันภัย ทนายความของจำเลยชาวอุยกูร์ ในคดีระเบิดราชประสงค์ ปี 2558 ได้ร้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ขอให้ปล่อยตัวชาวอุยกูร์ 43 คน จากห้องกักสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เนื่องจากบุคคลทั้งหมดรับโทษจากการเข้าเมืองผิดกฎหมายครบแล้ว ควรได้รับการปล่อยตัว

Uyghurs-immigration-bureau_2.jpg
รถบรรทุกของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) สวนพลู ซึ่งมีการปิดกระจกด้วยเทปดำ ออกจาก ตม. ในกรุงเทพฯ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 (ณัฐพล เมฆโสภณ/เบนาร์นิวส์)

เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2568 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้มีคำสั่งให้ไต่สวน ผู้บัญชาการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช. สตม.) เกี่ยวกับคำร้องดังกล่าว หลังจากที่ไต่สวนฝ่ายทนายความ และพยานซึ่งเป็นคนเชื้อสายอุยกูร์แล้วเห็นว่า คำร้องขอปล่อยตัวดังกล่าวมีมูลเพียงพอ โดยนัดไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 27 มี.ค. 2568

ในคำร้องของทนายความระบุว่า ปัจจุบัน มีคนอุยกูร์เหลือในห้องกัก 48 คน แบ่งเป็นผู้ต้องกัก 43 คน และ 5 คน เป็นผู้ที่กำลังรับโทษจากการพยายามหลบหนีออกจากห้องกัก โดยระหว่างปี 2557 ถึงปัจจุบัน มีคนอุยกูร์อย่างน้อย 5 คน ที่เสียชีวิตระหว่างถูกกักตัว และ 2 จาก 5 ผู้เสียชีวิต ยังเป็นเด็ก

ปี 2557 ไทยเคยผลักดันคนอุยกูร์เพศชาย 109 คน กลับไปยังจีน ขณะที่ส่งคนอุยกูร์เพศหญิง และเด็กไปยังตุรกี 173 คน หลังจากนั้นได้เกิดเหตุระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณ สี่แยกราชประสงค์ ในเดือน ส.ค. 2558 ซึ่งฝ่ายความมั่นคงเชื่อว่า เป็นการตอบโต้การส่งคนอุยกูร์กลับจีน เพราะศาลพระพรหมฯ เป็นแหล่งท่องเที่ยวซึ่งได้รับความนิยมจากคนจีน

ปลายเดือน ส.ค. 2558 ตำรวจได้จับกุมตัวนายอาเด็ม คาราดัก หรือบิลาล โมฮัมเหม็ด ที่พูนอนันต์อพาร์ทเม้นต์ ย่านหนองจอก ต่อมา นายไมไรลี ยูซูฟู ถูกจับกุมที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เนื่องจากต้องสงสัยว่า ทั้งคู่เป็นผู้ร่วมกันวางระเบิด ซึ่งทั้ง 2 คน เป็นชาวอุยกูร์ มีภูมิลำเนาอยู่เมืองอุรุมชี เขตปกครองพิเศษซินเจียง อุยกูร์ (XUAR) ประเทศจีน 

ปัจจุบัน คดีระเบิดราชประสงค์ยังคงอยู่ในการพิจารณาของศาลอาญากรุงเทพใต้ นายคาราดัก และยูซูฟู ถูกควบคุมตัวในเรือนจำชั่วคราวหลักสี่ตลอดมาร่วม 10 ปี โดยมีสุขภาพที่ย่ำแย่

หลังข่าวการส่งตัวคนอุยกูร์ไปจีนในวันพฤหัสบดีนี้ มูลนิธิผสานวัฒนธรรมได้เดินทางไปยังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนฝ่ายเดียวโดยพลัน ขอให้ยุติการกระทำทรมาน การกระทำที่โหดร้ายฯ และยุติการขับไล่ ส่งกลับ หรือส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนชาวอุยกูร์ 48 คนโดยทันที อย่างไรก็ตาม ศาลยังไม่มีคำสั่งเรื่องดังกล่าว

ชาวอุยกูร์ คือ กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ (Xingjiang Uyghur Autonomous Region - XUAR) โดยสหประชาชาติ (UN) เคยรายงานว่า จีนกักขังชาวมุสลิมและชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ จำนวน 1.8 ล้านคน ในค่ายกักกันมีการทรมาน บังคับทำหมัน บังคับใช้แรงงาน รวมถึงห้ามให้ปฏิบัติตามประเพณี ภาษา วัฒนธรรม และศาสนา

“รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง กำลังเดินซ้ำรอย รัฐบาลเผด็จการ คสช. ที่เมื่อ 10 ปีที่แล้วเคยส่งตัวคนอุยกูร์กลับจีนไปเผชิญอันตราย โดยไม่ฟังเสียงทัดทานจากนานาชาติ สิ่งเหล่านี้กำลังซ้ำรอย และนับเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง” นายสุณัย กล่าว

จรณ์ ปรีชาวงศ์ ในกรุงเทพฯ ร่วมรายงาน

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง